สเต๊กเป็นหนึ่งในเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากคนทั่วโลก เสน่ห์ของสเต๊กนั้นอยู่ที่รสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมเย้ายวนใจ และเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนจนแทบละลายในปาก ทั้งยังมีความหลากหลายในวิธีการปรุง โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้สเต๊กถูกปากแต่ละคน คือความแตกต่างในระดับความสุกของเนื้อ ซึ่งสามารถเลือกได้ถึง 6 ระดับด้วยกัน
บทความนี้จึงอยากพามาสำรวจระดับความสุกของเนื้อสเต๊กแต่ละแบบ พร้อมแนะนำเคล็ดลับการย่างให้อร่อยระดับเชฟ แต่จะเป็นอย่างไร มาดูพร้อมกันได้เลย !
6 ระดับความสุกของสเต๊ก : ระยะเวลาการย่างที่เหมาะสมของแต่ละระดับ
การย่างเนื้อสเต๊ก จะแบ่งระดับความสุกออกเป็น 6 ระดับด้วยกัน ดังนี้
1. Blue Rare
เริ่มที่ระดับแรกกับ Blue Rare คือระดับความสุกของเนื้อสเต๊กที่ภายนอกดูเหมือนสุกกำลังดี แต่เมื่อหั่นเข้าไปกลับพบกับเนื้อด้านในสีแดงสดอมชมพู ชวนให้น้ำลายสอ
สำหรับผู้ที่ชอบลิ้มรสเนื้อเน้น ๆ วิธีการทำ Blue Rare ก็เรียบง่าย เพียงนำเนื้อที่อุณหภูมิห้องมาแตะลงบนกระทะร้อนจัด ข้างละเพียง 30 วินาทีถึง 1 นาทีเท่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้คือสเต๊กที่มีเปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา ที่เก็บความนุ่มฉ่ำไว้ภายใน ช่วยรักษารสชาติแท้ ๆ ของเนื้อไว้ได้อย่างดีเยี่ยม นับเป็นระดับความสุกที่คอเนื้อตัวจริงไม่ควรพลาด
2. Rare
เพิ่มความสุกขึ้นมาสักหน่อย กับ Rare ระดับความสุกสเต๊กที่ให้ผลลัพธ์เป็นเนื้อสีน้ำตาลอมเทา แต่เมื่อตัดดูด้านในจะพบกับเนื้อสีแดงฉ่ำที่ครอบคลุมถึง 75% ของชิ้นเนื้อ ทั้งนี้ เมื่อรับประทาน จะสัมผัสได้ถึงเนื้อเหนียวนิด ๆ และมีกลิ่นคาวบ้างเล็กน้อย ทว่า โดดเด่นด้วยความฉ่ำของน้ำเนื้อและรสชาติที่เข้มข้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสรสชาติดั้งเดิมของเนื้อวัวโดยไม่ผ่านการปรุงแต่งมากนัก
การทำสเต๊ก Rare ก็ไม่ยาก เริ่มจากนำเนื้อที่อุณหภูมิห้องมาย่างบนกระทะร้อนจัด ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาทีต่อด้าน หรือจนกว่าอุณหภูมิภายในจะอยู่ที่ 48.8°C บางคนอาจชอบย่างด้านแรกนานถึง 6 นาที แล้วกลับอีกด้านย่างต่อ 3-4 นาที ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล
3. Medium Rare
Medium Rare นับเป็นระดับความสุกยอดนิยมเนื่องจากผสมผสานความนุ่มชุ่มฉ่ำและรสชาติเข้มข้นของสเต๊กได้อย่างลงตัว โดยสเต๊กรูปแบบนี้จะมีลักษณะเด่นคือด้านนอกสีน้ำตาลอมเทาน่ารับประทาน ในขณะที่ด้านในจะไล่ระดับความชมพูอ่อนไปจนถึงแดงตรงกลาง สุกประมาณ 50% จากขอบเข้าไป
วิธีทำก็ง่าย ไม่ซับซ้อน โดยให้ย่างเนื้ออุณหภูมิห้องบนกระทะร้อน 3-4 นาทีต่อด้าน หรืออบที่ 130-135°C นาน 6 นาที แล้วพลิกอีก 4-5 นาที เทคนิคสำคัญคือการใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิภายในเนื้อให้ได้ประมาณ 54.4 °C เพียงเท่านี้ก็จะได้ระดับความสุกของสเต๊กที่นุ่มอร่อย รสชาติหวานฉ่ำ และยังคงกลิ่นหอมของเนื้อไว้อย่างสมบูรณ์
4. Medium
สำหรับคนชอบเนื้อสุกขึ้นมาสักหน่อย พลาดไม่ได้กับ Medium ซึ่งเป็นระดับความสุกของสเต๊กที่เหมาะกับนักชิมที่ชื่นชอบเนื้อสุกกำลังดี แต่ยังต้องการรักษาความนุ่มและรสชาติไว้บางส่วน ลักษณะเด่นของเนื้อระดับนี้คือ ทั้งด้านนอกและด้านในเกือบ 80% จะมีสีน้ำตาล โดยมีเพียงสีชมพูอ่อน ๆ หลงเหลืออยู่ตรงกลางเล็กน้อย
การทำให้ได้ความสุกระดับ Medium เริ่มจากการย่างเนื้อที่อุณหภูมิ ประมาณ 60-63 °C โดยใช้เวลาประมาณ 7 นาทีสำหรับด้านแรก จากนั้นพลิกกลับและย่างต่ออีก 5-6 นาที โดยผลลัพธ์ที่ได้เนื้อจะยังคงความฉ่ำอยู่ แต่จะแน่นกว่าระดับ Medium Rare ขึ้นมาอีกระดับ
5. Medium Well
มาต่อกันที่ระดับ Medium Well ซึ่งเป็นระดับความสุกที่ทำให้เนื้อที่ผ่านการย่าง ส่งกลิ่นหอมน่าลิ้มลอง โดยเนื้อที่ได้จะมีความสุกแทบทั่วทั้งชิ้น เหลือเพียงสีชมพูอ่อนละมุนตรงใจกลาง พร้อมรสสัมผัสที่เริ่มแน่นขึ้น แต่ยังคงความนุ่มไว้อย่างลงตัว
วิธีการปรุงก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงนำเนื้ออุณหภูมิห้องไปสัมผัสความร้อนของกระทะ 6-8 นาทีต่อด้าน ให้อุณหภูมิภายในเนื้อแตะ 65.5°C หรือจะเลือกย่างที่ 72-76°C นาน 7-8 นาที ก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจไม่แพ้กัน ทั้งนี้ กุญแจสำคัญอยู่ที่การควบคุมอุณหภูมิและเวลาอย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้เนื้อสเต๊กที่สุกกำลังดี ไม่แห้งกระด้าง หรือไหม้เกรียมจนเกินไป
6. Well Done
มาถึงระดับความสุกของเนื้อขั้นสุดท้าย กับ Well Done ขั้นสูงสุดของความสุกที่หลายคนอาจไม่คุ้นเคย ! โดยในระดับนี้ เนื้อจะสุกเต็มที่ 100% ทั้งด้านในและด้านนอก เป็นสีน้ำตาลสม่ำเสมอ แม้จะสูญเสียความชุ่มฉ่ำไปบ้าง แต่ก็ยังคงรสชาติที่เข้มข้นไว้ได้
วิธีทำก็ไม่ยาก เพียงนำเนื้ออุณหภูมิห้องไปย่างบนกระทะร้อนด้านละ 9-10 นาที หรือจะย่างที่อุณหภูมิสูงกว่า 76°C นาน 9-10 นาทีก็ได้ ทั้งนี้ เชฟหลาย ๆ ท่านอาจไม่แนะนำระดับความสุกนี้เท่าไร แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเนื้อสุกเต็มที่ นี่คือความอร่อยที่ไม่ควรพลาด
เคล็ดลับย่างเนื้อสเต๊กให้อร่อยระดับเชฟ
สำหรับคนที่อยากลองทำเนื้อสเต๊กอร่อย ๆ ดูบ้าง เรามีเคล็ดลับย่างเนื้อระดับเชฟมาแนะนำ ดังนี้
1. เลือกเนื้อคุณภาพเยี่ยม
เลือกเนื้อสเต๊กชั้นดีที่มีความนุ่มและไขมันแทรกพอเหมาะ โดยอาจเลือกที่มีสีแดงเข้ม มันวาว และไร้กลิ่นเหม็น พร้อมกันนั้น หลังซื้อมาแล้ว แนะนำให้พักในตู้เย็น 1-2 วันเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของรสชาติ
2. ปรับอุณหภูมิเนื้อก่อนย่าง
ควรนำเนื้อออกจากตู้เย็นล่วงหน้า 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อให้อุณหภูมิปรับเข้ากับอุณหภูมิห้อง ซึ่งจะช่วยให้เนื้อสุกสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ระวังอย่าทิ้งไว้นานเกินไปจนเนื้อเสีย
3. เตรียมเนื้อด้วยน้ำมันมะกอก
ทาและนวดเนื้อเบา ๆ ด้วยน้ำมันมะกอก วิธีนี้จะช่วยให้เนื้อชุ่มชื้น ไม่แห้ง และยังทำให้เครื่องปรุงเกาะติดได้ดีขึ้นอีกด้วย
4. ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย
เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อ ให้โรยเกลือเพื่อดึงรสชาติและทำให้ผิวนอกกรอบ จากนั้นเติมพริกไทยเพื่อความหอมและรสเผ็ดเล็กน้อย โดยควรปรุงรสทันทีก่อนย่าง
5. เพิ่มกลิ่นหอมด้วยกระเทียมและไทม์
หั่นหัวกระเทียมครึ่งและใส่ใบไทม์ลงในกระทะพร้อมเนื้อ จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
6. พักเนื้อหลังย่าง
เมื่อย่างเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งรีบตัด ให้นำเนื้อวางบนเขียงและคลุมด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ประมาณ 5 นาที วิธีนี้จะช่วยให้น้ำในเนื้อกระจายตัว ส่งผลให้เนื้อนุ่มและฉ่ำยิ่งขึ้น
ระดับความสุกของสเต๊กมีหลายระดับให้เลือกลิ้มลอง ตั้งแต่แบบสุกน้อยไปจนถึงสุกมาก ซึ่งแต่ละระดับจะใช้เวลาในการย่างที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับใครที่คิดว่าการทำสเต๊กเองดูจะยุ่งยากเกินไป สามารถแวะมาทานเมนูสเต๊กรสชาติดีได้ที่ MercuryVille @ Chidlom ที่มีร้านอร่อย ๆ ให้เลือกมากมาย แถมยังเดินทางง่าย ติด BTS ชิดลม ใครสนใจร้านปิ้งย่างย่านชิดลม พลาดไม่ได้เลย
ข้อมูลอ้างอิง
- 6 ระดับความสุกของเนื้อสเต๊ก แต่ละชนิดใช้เวลากี่นาที ถึงอร่อยที่สุด. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567. จาก https://food.trueid.net/detail/nxozb5YPdJ6E.
- เช็ก “ระดับความสุกของเนื้อสเต๊ก” สั่งสเต๊กระดับไหนให้สุกอร่อยโดนใจ. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567. จาก https://www.thairath.co.th/lifestyle/food/2505880
- 5 ระดับความสุกของสเต๊กเนื้อ เคล็ดลับย่างเนื้อให้อร่อยระดับเชฟ. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567. จาก https://cooking.kapook.com/view198814.html.